บุญประจำปี

อีกไม่กี่วันก็จะถึงบุญประจำปีวัดบ้านสว่าง ซึ่งจัดขึ้นทุกๆปี ปีนี้อาจยิ่งใหญ่กว่าทุกๆปีที่ผ่านมา เป็นประเพณีสืบทอดกันมา คนอีสานจะเรียกบุญบ้านหรือบุญเดือนสี่ แต่คนเมืองจะเรียกงานวัด ก็จะมีผ้าป่าสมัครคีมาจากที่ต่างๆหลายสาย ความเจริญของวัดวาอารามก็จะดียิ่งๆขึ้นไป ซึ่งจัดขึ้นใน วันที่ 4 เมษายน 2553 ภายในงานก็จะมีมหรสพมากมาย สอยดาว หรือคนอีสานเรียกว่าสอยสำชี หมายถึงการเสี่ยงท้าย งานนั้นจะเป็นกลางวันอาจร้อนไปชักหน่อยแต่ก็อาจจะสนุก นักท่องเที่ยวท่านสนใจ ก็เชิญได้ มีของที่ระลึกเป็นสิริมงคลต่อชีวิตจากพระท่านผู้ใหญ่ วันที่ 6เมษายน ก็อาจจะมีการแห่ผ้าสามัครคี แห่กันลอน เป็นการแสดงน้ำใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้แก่วัดบ้านสว่าง

ศาลาการเปรียน

ศาลาการเปรียน สร้างเพื่อเป็นศาลาอเนกประสงค์ของวัดบ้านสว่าง เพื่อใช้กิจกรรมงานต่างๆ เช่น งานบุญ งานบวช และวันสำคัญของศาสนาชาวพุทธชึ่งเป็นประเพณีสือต่อกันมาช้านาน แต่ตอนี้ยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร รอผู้ที่มีจิตเฆมตา หรือผ้าป่าสามัครคีที่ต่างๆเพื่อมาสมทบสร้าง เพื่อเป็นประโยชน์ทางพุทธศาสนา ประเพณี วัฒธรรมกันต่อไป

ทางคอนกรีตเสริมเหล็ก

ทางคอนกรีตเสริมเหล็กจากบ้านสว่างสู่บ้านโนนสวางระยะทางโดยประมาณ 3-4 กม.ความหนา 0.0.15 ม. พื้นที่ 3,750 ต.ม. ไหล่ทาง 200.00 ลข.ม. ก่อนหน้านี้เป็นทางลูกรังซึ่งทำเกิดฝุ่น เป็นผลดีกับนักท่องเที่ยว ชาวบ้านผู้ที่สัญจร สามารถเลือกใช้เส้นทางที่ไกล้เข้าสู่ตัวเมืองได้ง่าย

ประหยัดค่าใช่จ่ายในการเดินทาง เส้นทางเส้นนี้ เริ่มต้นจากบ้านสว่างไปบ้าน โนนสวาง ไปบ้านเปลือย บ้านดูน เข้าสู้หมายเลขทางหลวง 2050 อุบลฯ-ตระการพชืผล เส้นทางหลักจากบ้านสว่าง ไปตำบลท่าเมือง บ้านยางกระเดา เข้าสู่หมายทางหลวง 2050 อุบลฯ-ตระการพืชผลได้

เส้นทางหลักเส้นนี้สามรถออก อ.ดอนมดแดง อ.ตาลสุมเข้าสู่หมายเลขทางหลวง 2364 อ.พิบูลมังสาหาร

โรงเรียนบ้านสว่างโนนสวาง

นี่คืออาคาร อเนกประสงค์ของ โรงเีรียนบ้านสว่างโนนสวาง ชึ่งได้ก่อสร้างมาตั้งแต่ 24 ม.ค.2551 โดยการระดมทรัพย์จากชุมชนบ้านร่วมด้วยช่วยกันสร้าง เพื่อเป็นที่ส่วนรวมของโรงเรียนหมู่บ้าน ทางโรงเรียนได้ปรับภูมิทัศใหม่เชิงการท่องเที่ยวเพื่อความสวยงาม ขณะนี้ได้สร้างเสร็จประมาณ 80% แล้ว ตอนนี้ทางโรงเรียนยังขาดทุนทรัพย์เพื่อดำเนินงานต่อ ท่านใดประสงค์ความช่วยเหลือติดต่อท่าน ผอ.สมพร แก้วใส โรงเรียนบ้านสว่าง

ประวัติ วัดบ้านสว่าง ตำท่าเมือง

วัดบ้านสว่าง สร้างเมื่อ พศ.2524 เจ้าอาวาส องค์แรกชื่อพระอธิการ ที ติขะวิโร ได้เข้ามาประจำวัดบ้านสว่างได้ 6 ปี ได้ลาสิกขา พศ.2530 ต่อมา หลวงปู่หนู เจ้าอาวาสองค์ที่สองได้เข้ามาประจำวัดบ้านสว่างใน พศ.2531-2546 หลวงปู่หนู ก็ได้มระณะภาพไป ต่อมา ณ.ปัจจุบัน พระอธิการ ประพันธ์ ปัญธโร เริ่มเป็นเจ้าอาวาสมาตั้งแต่ พศ.2548 มาถึงปัจุบันนี้ถ้าเทียบกับวัดในเมืองนั้น ถือว่าอายุของวัดนั้ัน้อยมาก ภายในวัดก็ขาดปัจจัยหลายอย่าง การสร้างวัดหรือโรงเรียนนั้นต้องอาศัยหลายช่วงอายุคนอาจจะเป็นร้อยปีหรือพันปีและการก่อสร้างนั้นก็ต้องอาศัยทรัพสินเงินทองมากมายมหาศาลโดยอาศัยแรงศรัทธาจากหน่วยราชการ ชาวบ้าน หรือผู้ที่อยู่ห่างไกลเข้ามาเป็นทุนร่วมสร้าง ที่เรียกกันว่า ผ้าป่าสามัคคี นั้นเอง